Thursday, October 25, 2012

ลิ้นขั้นเทพ vs ลิ้นจระเข้

Super Taster

ลิ้นขั้นเทพหรือเรียกอีกอย่างว่าพวก super taster เป็นคนที่ลิ้นสามารถรับรสได้ดีกว่าคนธรรมดาทั่วไป ฟังแล้วเหมือนใกล้จะเป็น super hero ได้ยังไงอย่างงั้น แล้วใครละมีลิ้นเทพ??

ดูกันได้ง่ายๆเลย อย่างแรกคือ เป็นคนที่ชอบทานรสเค็ม ( ที่กรุงเทพ มีประชากรญี่ปุ่นที่มาทำงานอยู่พอสมควร แต่เราแทบจะไม่เคยเห็นพวกญี่ปุ่นกินข้าวร้านอาหารอื่นเลยนอกจากร้านญี่ปุ่นใช่ไหมคะ ถ้าร้านอาหารที่ไม่ใช่ร้านอาหารญี่ปุ่น แต่มีญี่ปุ่นไปกินเนี้ย เป็นร้านที่น่าสนใจมาก และเบนคนหนึ่งละ จะตามไปกินด้วยคน เพราะว่าเชื่อใจ taste ของคนญี่ปุ่น เรากลับมามองอาหารญี่ปุ่นกัน อาหารญี่ปุ่นเค็มๆทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นราเมน (บางชามเค็มจนชดน้ำซุปไม่ไหว) ขนมอบกรอบโซยุ ที่มีทุกโต๊ะในร้าน และบราบราบรา นั้นไง มั่นใจ นอกจากพวกญี่ปุ่นจะฉลาดแล้ว ยังเป็น super taster อีกต่างหาก )

โดยส่วนใหญ่ คนเอเชีย ก็จะมีต่อมรับรสที่ดีกว่าฝรั่ง โดยเฉพาะผู้หญิง ก็จะดีกว่าผู้ชาย ( ตอนไปเรียนปริญญาโทเกี่ยวกับอาหารที่อิตาลี่ ใน class มีเพื่อนที่รักการกินจากทั่วโลก 26 คน 14 เชื้อชาติ เวลาจะถามว่าอะไรอร่อยหรือไม่อร่อย ถามฝรั่งอะไรก็อร่อยไปหมด สาวไต้หวัน กับญี่ปุ่นเนี้ยแหละเชื่อถือได้มากสุด ) อย่างสุดท้ายที่สามารถทดสอบได้ง่ายๆ คือพวกที่ไม่ชอบรสขม ไม่กินเหล้า ไม่กินกาแฟ อะไรทำนองนี้ แต่ก็ได้ยินมาว่ายิ่งแก่ยิ่งชอบกินขม มันก็คงจะเป็นธรรมดาที่ทุกอย่างจะเสื่อมไปตามกาลเวลา

อีกอย่างคือ ผุ้มีลิ้นขั้นเทพจะไวต่อความเผ็ดมาก เลยจะทำให้เป็นคนกินเผ็ดไม่ค่อยได้ แต่ข้อนี้คงจะตัดสินคนไทยได้ยากหน่อย เพราะว่าคนไทยเราได้ฝึกวิชายุทรมาแต่เด็ก จากส้มตำปลาล้า ต้มยำ แกงนานาชนิด ทำให้ลิ้นของเราสามารถด้านทานความเผ็ดได้ดี

สุดท้ายขอแนะนำวิธีการอีกอย่างที่สามารถทดสอบเองได้ที่บ้านนะคะ คือใส่สีผสมอาหารสีฟ้า ไปในอาหารอะไรก็ได้ - กิน - แล้วทำให้ลิ้นเป็นสีฟ้า แลบลิ้นออกมานั่งนับตุ่มเลยคะ ทำกันทั้งบ้าน มานั่งเทียบกัน เล็ปกันจนลิ้นแห้ง น้ำลายไหล หรือยังไงก็ถ่ายรูปลิ้นแล้วมานั่งนับบนจอก็ได้คะ คิดเป็นต่อตารางเซนติเมตร

** ปล. บุหรี่ทำลายต่อมรับรูปรส ทำให้คุณสามารถรับรู้รสได้น้อยลงเรื่อยๆ

Friday, October 19, 2012

ดูกันขำๆก่อนออกพรรษา

ลองดูว่าทำกันได้ไหม เที่ยวแบบไม่กินเหล้า งดเหล้าเข้าพรรษา

Wednesday, October 17, 2012

Pizza

Pizza มีต้นกำเนิดมากจากประเทศอิตาลี่ ในเมือง Napoli (หรือเรียกชื่อภาษาอังกฤษว่า Napal) เมืองนี้เป็นเมืองติดทะเล และมาเฟียยังคงมีอยู่ ก็ถ้าจะไปเที่ยวเมืองนี้ก็ขอให้ระวังตัวกันหน่อย ไม่ว่าจะเป็นโจรขโมย หรือแม้กระทั้งรถ คิดว่าเมืองไทยขับรถกันบ้าคลั่งแล้วหรอคะ มาเจอที่นี้เลย เบนเกือบเป็นศพข้างถนนหลายรอบแล้ว
Pizza ที่นี้เป็น style แบบบางนุ่ม เวลากินเค้าจะพับ แล้วก็ใช้มือยกขึ้นมากัด ง่ายๆอย่างงั้นเลย ส่วนแบบที่แป้งบางแล้วกรอบเนี้ยจะเป็น style ของโรม แต่คนที่นี้เค้าบอกว่าของเค้าอร่อยที่สุด ยังไงก็ไม่มีใครทำเหมือน (ก็แล้วแต่คนจะชอบ นานาจิตตัง) และเหตุผลหนึ่งก็คงเป็นเรื่องของที่ตั้ง เพราะว่าเป็นเมืองติดทะเล เบนคิดว่าไอเกลือมีผลต่อรสชาติของอาหารไม่มากก็น้อย ลองคิดดูกันนะคะ กินไก่ย่างริมทะเลมันอร่อยกว่ากินไก่ย่างในเมืองขนาดไหน แต่ก็ละเลยเรื่องวัตถุดิบไม่ได้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นแป้ง ชีส หรือว่าเกลือ โดยเฉพาะชีส แคว้นที่เมือง Napoli ตั้งอยู่ คือแคว้น Campania ซึ่งเป็นแหล่งผลิต Mozzarella di Buffala (จะมาเล่าเรื่องชีสตัวนี้ให้ฟังกันต่อไป ซึ่งชีสตัวนี้เป็นชีสตัวโปรดของเบน) ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกก็ว่าได้

file://localhost/Volumes/Time%20Machine%20Backups/photo/Napoli/IMG_0211.JPG
มาว่ากันเรื่องหน้า หน้าแบบ original ก็ต้องเป็น Magarita
ซึ่งก็มีแค่ ซอสมะเขือเทศ ชีสมอสสาเรลล่า และน้ำมันมะกอก ตบด้วยใบโหระพานิด เท่่านั้นก็เรียบร้อย แต่หน้าโปรดของเบนคือ Pizza Diavola คือมีเพิ่ม Salami แบบเผ็ดเข้าไปด้วย กินแล้วเค็มๆมันๆ ไม่จืดซืดน่าเบื่อ และพิซซ่านี่ก็เป็นตัวดีเลยที่ทำให้น้ำหนักขึ้น เพราะว่าอยู่ที่โน้น ไม่มีการแบ่งกัน ไปร้าน Pizzaria ก็ต่างคนต่างสั่ง กินกันคนละฉาด อยู่เมืองไทย กินแค่ 3 ชิ้นก็อิ่มแล้ว ไปอยู่ที่โน้นต้องกินคนเดียว 8 ชิ้น บางทีก็กิน 10 ถึงกับกลิ้งกลับเมืองไทยได้เลยทีเดียว

เรื่องเตาก็มีความสำคัญมากเหมือนกัน แต่ว่าเบนยังไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างเตาไฟฟ้ากับเตาแบบตั้งเดิมได้จากการกิน แต่ถ้าเห็นเตาแบบตั้งเดิมก็เดินเข้าร้านละ เพราะดูน่าเชื่อถือ ความจริงแล้วก็คงจะสำคัญจริงๆ เพราะเตาฝืนมีถ่านอยู่ข้างใน ได้กลิ่นของไม้ที่เผา เหมือนรมควันนิดๆ แค่คิดก็น้ำลายไหลแล้ว ถ้าใครมีร้าน Pizza แบบอิตาเลี่ยนที่เมืองไทยจะแนะนำก็มาบอกต่อกันบ้างนะคะ




My life - My Fove - My passion

เร่ิมต้น blog เกี่ยวกับอาหารอย่างเป็นทางการ ก็จะขอแนะนำตัวเองให้ทุกคนได้รู้จักก่อนละกันนะคะ เรื่องที่สำคัญที่สุดคือ เป็นคนที่สะกดคำไม่เก่ง ไม่ว่าจะภาษาอะไรก็แล้วแต่ grammar เหมือนเป็นเรื่องลึกลับที่สมองของเบนไม่สามารถเข้าใจได้มาตั้งแต่เด็ก ก็ขอโทษไว้ล่วงหน้าเกี่ยวกับภาษาที่จะเกิดความวิบัติต่อจากนี้ไป

หลังจากที่จบจากโรงเรียนมาแตร์ที่อยู่มาเป็นเวลา 13 ปี ด้วยเกรดที่ค่อนข้างดี เนื่องจากความกรุณาของคุณครูทั้งหลาย ก็คิดว่าความฝันสูงสุดของตัวเองคือการได้เข้าไปเรียนที่ Industrial Design Chula แล้วก็เข้าได้ตามที่ฝันจริงๆ (มองย้อนกลับไปยังงงๆว่าเข้าได้อย่างไร) แต่พอเรียนไปได้เกือบปี ก็รู้แล้วว่าสิ่งนี้ คงจะไม่ได้สิ่งที่จะทำให้เบนมีความสุขในการที่จะต้องทำงานแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่ด้วยความที่พ่อแม่อยากให้เรียนให้จบ ก็จบออกมาได้จริงๆ ก่อนจะจบก็เร่ิมคิดแล้วว่า ชีวิตนี้เราอยากจะทำอะไรไปตลอดชีวิต อะไรทำให้ชีวิตเรามีความสุขมากที่สุด คำตอบหาได้ไม่อยากเลย คือ กิน คะ ไม่ว่าจะตอนไหนเมื่อไหร เรื่องกินเป็นเรื่องที่ใหญ่ที่สุดประจำวันคะ การได้กินของอร่อยเหมือนเป็นความสุขที่สุดของชีวิต ก็เลยตามหาที่เรียนที่สอนเกี่ยวกับอาหาร แต่ไม่ใช้ทำอาหารนะคะ แค่เรียนเกี่ยวกับอาหาร ก็มาเจอที่เรียนที่ Italy เป็นมหาวิทยาลัยที่ชื่อว่า University of Gastronomic Science ซึ่งเป็นมหาลัยที่ องค์กร Slow Food เป็นผู้ก่อตั้งขึ้น

http://www.slowfood.com/international/1/about-us?-session=query_session:7C78403B18d501BFCBrn6920B5AA

00-facciata-pollenzo
ก็ดั้งต้นไปเรียนที่ Italy ในเมือง Bra (ซึ่งไม่มีใครรู้จักเลย) 

เรียน Master degree ใน course ชื่อว่า Food Cultures and Communications ว่าง่ายๆคือไปเรียนกินและชิมอาหาร รวมถึงเดินทางไปดูการผลิตอาหารในแหล่งของมันเลยจริงๆ

เบนก็จะเอาประสบณ์การที่ได้ไปเรียน ไปตระเวนกิน และท่องเที่ยวมาเล่า มาโม้ให้กันฟังไปนะคะ